พิสูจน์ว่านาฬิกา Rolex เป็นของแท้หรือของปลอม
หน้าแรก Rolex โรเล็กซ์ พิสูจน์ว่านาฬิกา Rolex เป็นของแท้หรือของปลอม
แหล่ง: https://www.youtube.com
เมื่อพูดกันถึงนาฬิกา Rolex เป็นหนึ่งแบรนด์สินค้าสุดหรูและมีราคาสูงของโลก ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพมีค่า ทนทาน สร้างขึ้นมาด้วยความสมบูรณ์แบบ ให้ความสุขและความภูมิใจเมื่ออยู่บนข้อมือผู้สวมใส่ ทำให้มีผู้หลงใหลและชื่นชอบเป็นจำนวนมาก เกิดความต้องการเพิ่มขึ้นในตลาด
.
อย่างไรก็ตามเมื่อมีจำนวนผู้ต้องการสูงก็เป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้ผลิตสินค้าลอกเลียนแบบเข้ามาผลิตสินค้าหลอกขายให้กับผู้ที่มีความต้องการ สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ Rolex คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่านาฬิกาใดเป็นของแท้หรือของปลอม วันนี้เพื่อช่วยป้องกันเพื่อน ๆ จากผู้ขายที่ไม่สุจริตและสินค้าปลอม เราได้สรุป 10 วิธีเปรียบเทียบระหว่างของแท้และของปลอมแบบง่าย ๆ มาฝากกัน
1. หมายเลขผลิตภัณฑ์ (Serial Number Stamping)
การจะดูว่า Rolex เป็นของแท้หรือของปลอมวิธีการหนึ่งคือการดูหมายเลข Serial Number ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านข้างของตัวเรือนตำแหน่งหกนาฬิกา จุดที่เป็นสลักยึดติดสายนาฬิกาเข้ากับตัวเรือน ของแท้จะมีการสลักตัวอักษรว่า “ORIG ROLEX DESIGN” พร้อมตัวเลข Serial Number โดยตัวเลขและตัวอักษร จะมีความลึก คมชัด สะท้อนแสงเมื่อโดนแสงส่อง ตรงกันข้ามกับของปลอมที่ตัวเลขและตัวอักษรจะไม่ชัดเจน จาง ๆ คล้ายลักษณะการยิงทรายตัวอักษร
2. การประทับตรา (Stampings)
ข้อแตกต่างเบื้องต้นที่สังเกตได้จากตราสัญลักษณ์รูปมงกุฎ เห็นได้เด่นชัดบริเวณหน้าปัดด้านในตัวเรือน ถึงจะมีการใส่รายละเอียดต่างๆพร้อมตัวอักษรกำกับว่า Rolex เข้าไปด้วย แต่ก็ขอให้รู้ไว้เลยว่าสิ่งที่อยู่ในมือคุณนั้นคือของปลอมหากไม่พบสัญลักษณ์รูปมงกุฎ
3. กลไกการเคลื่อนไหว (Movement)
เป็นที่รับรู้และยอมรับกันโดยทั่วไปในเรื่องกลไกเคลื่อนไหวของ Rolex ที่สามารถจับเวลาได้อย่างแม่นยำ มีการเคลื่อนไหวแบบต่อเนื่องและเงียบ ไม่ได้ยินเสียงการทำงานของกลไกภายใน เมื่อเปิดฝาหลังออกจะพบการคำแกะสลักว่า Rolex เป็นส่วนหนึ่งอยู่ภายใน ดังนั้นข้อแตกต่างที่นอกเหนือจากนี้คงเป็นสัญญาณเตือนบอกได้ว่าเป็นของปลอม
4. หน้าปัด (Dial)
การสังเกตเบื้องต้นเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆบริเวณหน้าปัดนาฬิกา ด้วยความที่ Rolex ให้ความใส่ใจในรายละเอียดทุกส่วน ผลิตด้วยวัสดุชั้นดี ดังนั้นถ้านาฬิกาของคุณมีสีพื้นที่ออกเหลือไป ตัวเลขตัวหนังสือ สะกดผิด มีการจัดวางไม่ได้สัดส่วน อยู่ผิดที่ผิดทางไม่ชัดเจน มีรอยเปื้อนต่าง ๆ เกิดบนนาฬิกาของคุณขอบอกได้เลยมันคือของปลอม
5. เลนส์นูนช่องวันที่ (Cyclops)
แหล่ง: www.businessinsider.com
Rolex นั้นให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการผลิตจริงๆ แม้ช่องบอกวันที่ก็ยังพัฒนาให้มีความแตกต่างโดยการเพิ่มเลนส์นูนที่มีกำลังขยายได้ 2.5 เท่า มีลักษณะใสนูนเล็กน้อย หรือที่เรียกว่า Cyclops ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้สวมใส่ได้เห็นวันที่ชัดเจนขึ้น หากสังเกตดี ๆ ก็จะพบความแตกต่างระหว่างของแท้และของปลอมได้เช่นกัน
6. กันน้ำได้ (Waterproof)
นาฬิกา Rolex ทุกรุ่นผลิตจากวัสดุชั้นดีและสามารถใส่กันน้ำได้ ยกเว้นการใส่ดำน้ำลึกจะได้เฉพาะบางรุ่นเท่านั้น คุณสามารถทดสอบด้วยการนำไปแช่น้ำ และเมื่อนำขึ้นมาดูต้องไม่พบน้ำภายในตัวเรือน แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจและไม่ต้องการเสี่ยงกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น คุณสามารถให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทดสอบแทน หรือคุณอาจจะข้ามการทดสอบนี้ไปก็ไม่ว่ากัน
7. น้ำหนัก (Weight)
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
อย่างที่ทราบกันว่านาฬิกา Rolex ผลิตจากวัสดุอย่างดีทั้งตัวเรือน ประกอบไปด้วย โลหะ สแตนเลส ทองคำ อัญมณี ที่มีคุณภาพเกรดเอ เมื่อทุกอย่างรวมกันเป็นชิ้นงานทำให้มีน้ำหนักมากกว่านาฬิกาที่ผลิตจากวัสดุไม่ได้คุณภาพ และไม่มีมาตรฐานที่ของปลอมชอบใช้
8. ฝาด้านหลัง (Casebacks)
ฝากครอบด้านหลังยกเว้นนาฬิการุ่นวินเทจในปี 1930, Rolex Sea Dweller, COMEX, Military Collection และรุ่นเก่า ๆ บางรุ่น นอกนั้นฝาครอบหลัง Casebacks ของโรเล็กซ์จะไม่ประทับตราหรือแกะสลักสิ่งใด ๆ ลงบนพื้นผิว โดยของแท้จะมีความเรียบเนียน และไม่มีการโชว์กลไกภายในตัวเรือนให้เห็นแต่อย่างใด
9. กระจกแซพไฟร์ (Sapphire Glass)
Rolex จะใช้กระจกแซพไฟร์ ที่มีความแข็งแรงและใส ป้องกันรอยขูดขีดได้ดี ดูได้โดยการสังเกตจากขอบกระจกบริเวณหน้าปัดจะต้องใสไม่มีสีเขียวหรือขาวขุ่น และสามารถทดสอบด้วยการหยดน้ำลงบนกระจกนาฬิกา ถ้าพบว่าน้ำมีการวมตัวกันแสดงว่าเป็นของแท้ ถ้าไม่รวมตัวกันแสดงได้ว่าเป็นของปลอม
10. ไมโครโลโก้มงกุฎ (Micro-etched Crystal)
ตั้งแต่ปี 2002 Rolex เพิ่มจุดสังเกตอีกหนึ่งจุดเพื่อเป็นลักษณะเฉพาะ โดยใช้เลเซอร์ยิงให้เกิดไมโครโลโก้มงกุฎขนาดเล็ก ๆ บริเวณกระจกที่ตำแหน่งหกนาฬิกา มองเห็นได้ยาก ต้องปรับให้ได้องศาจึงสามารถเห็นได้ชัดขึ้น จึงสร้างความลำบากให้ผู้คิดจะทำปลอมแปลง
ขอขอบคุณ: pepperrr.net